5/5 – (3 votes)

ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวของประเทศไทย เครื่องปรับอากาศ หรือ แอร์บ้าน คือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้เราเย็นสบาย แต่หลายคนมักจะละเลยการดูแลรักษาอย่างการ “ล้างแอร์บ้าน” ซึ่งสำคัญต่อทั้งประสิทธิภาพการทำงาน สุขภาพ และอายุการใช้งานของเครื่อง บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจสัญญาณเตือนว่าแอร์ของคุณต้องการการดูแล พร้อมแนะนำวิธีแก้ไขเบื้องต้นด้วยตัวเอง และเมื่อไหร่ที่ควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญ

ล้างแอร์บ้าน

สัญญาณเตือนที่บอกว่าแอร์บ้านของคุณสกปรกแล้ว!

ลองสังเกตอาการเหล่านี้ของแอร์บ้านคุณ หากมีข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้องล้างแอร์แล้วครับ

  • แอร์ไม่เย็นฉ่ำเหมือนเดิม (แม้จะเปิดอุณหภูมิต่ำ): คุณรู้สึกว่าแอร์เปิดแล้วแต่ห้องไม่เย็นเท่าที่ควร หรือต้องใช้เวลานานกว่าปกติกว่าห้องจะเย็นลง นี่คือสัญญาณคลาสสิกที่บ่งบอกว่าแผงคอยล์เย็นหรือฟิลเตอร์อาจอุดตันด้วยฝุ่น ทำให้การถ่ายเทความร้อนไม่มีประสิทธิภาพ แอร์จึงต้องทำงานหนักขึ้นและเปลืองไฟมากขึ้น
  • แอร์มีกลิ่นอับชื้น หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์: เปิดแอร์แล้วได้กลิ่นคล้ายเชื้อรา กลิ่นอับ หรือกลิ่นเหม็นเปรี้ยว? นั่นหมายความว่าภายในเครื่องปรับอากาศมีความชื้นสะสมสูง และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อรา แบคทีเรีย หรือตะไคร่น้ำ ซึ่งส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจ
  • น้ำหยดติ๋งๆ ออกมาจากตัวเครื่อง: หากเห็นน้ำหยดลงมาจากตัวเครื่องปรับอากาศด้านในบ้าน นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าท่อน้ำทิ้งเกิดการอุดตันจากเมือก ฝุ่น หรือสิ่งสกปรก ทำให้น้ำระบายออกไม่ได้และเอ่อล้นออกมา หากปล่อยไว้นานอาจทำให้ผนังเสียหายหรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้
  • มีเสียงดังผิดปกติขณะเครื่องทำงาน: เสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ครืดคราด หรือเสียงแก๊กๆ ที่มาจากตัวเครื่องปรับอากาศ อาจบ่งบอกว่าพัดลมโบเวอร์สกปรก มอเตอร์มีปัญหา หรือชิ้นส่วนภายในหลวมและทำงานไม่สมดุล
  • ค่าไฟพุ่งกระฉูดผิดปกติ: เมื่อแอร์สกปรก เครื่องต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อที่จะทำความเย็นให้ได้ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ ทำให้กินไฟมากขึ้น หากบิลค่าไฟของคุณสูงขึ้นผิดปกติ นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง
  • ลมที่เป่าออกมาเบาลง หรือมีฝุ่นละอองติดมาด้วย: หากลมที่เป่าออกมาจากช่องแอร์รู้สึกเบาลงกว่าปกติ หรือคุณสังเกตเห็นฝุ่นละอองเล็กๆ ปลิวออกมาพร้อมกับลมเย็น นั่นเป็นเพราะฟิลเตอร์กรองอากาศเต็มไปด้วยฝุ่นและสิ่งสกปรก

ช่างล้างแอร์บ้านมืออาชีพ Thaihomefix

เราให้บริการ ล้างแอร์บ้านแบบมืออาชีพ ด้วยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ ที่พร้อมดูแลแอร์ของคุณให้กลับมาสะอาดเหมือนใหม่ เย็นสบาย และทำงานเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง!

ช่างบริการล้างแอร์บ้าน

วิธีแก้ไขเบื้องต้นด้วยตัวเอง (เมื่อแอร์มีปัญหาไม่มาก)

หากสัญญาณเตือนยังไม่รุนแรงมาก หรือคุณต้องการดูแลรักษาเบื้องต้นเพื่อยืดระยะเวลาการล้างใหญ่ คุณสามารถทำตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้ได้

  1. ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ (Filter):
    • วิธีทำ: ปิดแอร์ ดึงแผ่นกรองอากาศออกมาจากตัวเครื่อง ล้างด้วยน้ำเปล่าและแปรงขนนุ่มๆ หรือน้ำผสมน้ำยาทำความสะอาดอ่อนๆ ผึ่งให้แห้งสนิทก่อนใส่กลับเข้าไป
    • ประโยชน์: ช่วยลดฝุ่นที่สะสม กลิ่นอับเบื้องต้น และช่วยให้แอร์เย็นขึ้นเล็กน้อย
    • ควรทำบ่อยแค่ไหน: ทุก 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับปริมาณฝุ่นในห้อง
  2. ทำความสะอาดหน้ากากแอร์ และรอบๆ ตัวเครื่อง:
    • วิธีทำ: ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดฝุ่นที่เกาะตามหน้ากากแอร์และบริเวณรอบๆ ตัวเครื่อง
    • ประโยชน์: เพื่อสุขอนามัยที่ดีและป้องกันฝุ่นฟุ้งกระจาย
  3. ตรวจสอบท่อน้ำทิ้ง (ถ้าเข้าถึงได้):
    • วิธีทำ: หากสงสัยว่าท่อน้ำทิ้งอุดตันเบื้องต้น ลองตรวจสอบดูว่ามีอะไรไปอุดตันที่ปลายท่อหรือไม่ (เช่น รังนก แมลง) และพยายามเขี่ยออก
    • ข้อควรระวัง: วิธีนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาการอุดตันภายในท่อที่ลึกได้ และต้องระมัดระวังเรื่องไฟฟ้า

เมื่อไหร่ที่ต้องเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาบริการ?ล้างแอร์บ้าน

แม้การทำความสะอาดเบื้องต้นจะช่วยได้ แต่มีหลายกรณีที่จำเป็นต้องให้ช่างมืออาชีพเข้ามาดูแล ช่างล้างแอร์บ้าน เพราะพวกเขามีเครื่องมือและประสบการณ์ที่เหมาะสมมากกว่า

  • เมื่อมีสัญญาณเตือนรุนแรง หรือแก้ไขเองไม่ได้: หากแอร์ยังคงมีปัญหาไม่เย็น น้ำหยด มีกลิ่นเหม็นรุนแรง หรือมีเสียงดังผิดปกติหลังจากการทำความสะอาดเบื้องต้น แสดงว่าปัญหาอาจเกิดจากภายใน เช่น แผงคอยล์เย็นสกปรกมาก พัดลมสกปรกมาก ท่อน้ำทิ้งอุดตันอย่างหนัก หรือน้ำยาแอร์ขาด
  • เมื่อต้องการล้างแบบละเอียด (ล้างใหญ่ / ล้างเคมี): การล้างแอร์โดยช่างผู้เชี่ยวชาญจะมีการถอดชิ้นส่วน ล้างด้วยปั๊มน้ำแรงดันสูง และใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะสำหรับแอร์ (ล้างเคมี) ซึ่งสามารถกำจัดสิ่งสกปรก เมือก เชื้อรา แบคทีเรียที่ฝังแน่นอยู่ภายในคอยล์เย็นและพัดลมโบเวอร์ได้อย่างหมดจด ซึ่งการล้างด้วยตัวเองทำได้ยาก
  • เพื่อการตรวจสอบและบำรุงรักษาเชิงลึก: ช่างจะสามารถตรวจสอบสภาพโดยรวมของแอร์ ตรวจวัดแรงดันน้ำยาแอร์ ตรวจสอบระบบไฟฟ้า และเช็คจุดต่างๆ ที่อาจเกิดปัญหาในอนาคตได้ ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานและป้องกันปัญหาใหญ่ที่อาจตามมา
  • เมื่อถึงรอบการล้างแอร์ตามปกติ: โดยทั่วไปแล้ว ควรล้างแอร์อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นหากใช้งานหนัก เช่น ร้านค้า ออฟฟิศ หรือบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงและมีฝุ่นมาก เพราะการล้างแอร์ตามกำหนดจะช่วยรักษาประสิทธิภาพการทำงาน ประหยัดค่าไฟ และดีต่อสุขภาพในระยะยาว

สรุป: การดูแลแอร์ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องถูกจุด!

การรู้จักสัญญาณเตือนว่าแอร์บ้านของคุณต้องการการดูแลเป็นสิ่งสำคัญ การทำความสะอาดเบื้องต้นด้วยตัวเองช่วยยืดระยะเวลาได้ แต่การเรียกใช้บริการช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อ ล้างแอร์ อย่างสม่ำเสมอ คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้แอร์ของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน และมอบอากาศที่บริสุทธิ์ เย็นสบาย ปลอดภัยต่อสุขภาพของทุกคนในบ้านได้อย่างแท้จริง

อย่ารอให้แอร์พังก่อนค่อยล้างนะครับ ลงทุนกับการดูแลแอร์วันนี้ เพื่อความสุขสบายและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว!

บทความโดย:thaihomefix


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *